ธารน้ำแข็ง คืออะไร
ธารน้ำแข็ง (Glacier) คือ มวลน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เกิดจากการสะสมของหิมะที่กดทับกันเป็นเวลานานหลายสิบถึงหลายร้อยปี จนกลายเป็นน้ำแข็งหนาแน่นและแข็งตัว ตัวธารน้ำแข็งสามารถเคลื่อนตัวได้ช้าๆ ตามแรงโน้มถ่วงจากพื้นที่สูงลงสู่พื้นที่ต่ำ ทำให้เกิดการกัดเซาะและปรับเปลี่ยนภูมิประเทศรอบตัว เช่น การสร้างหุบเขา U-shape หรือการก่อตัวของทะเลสาบธารน้ำแข็ง
ตอนที่ 1 : ประเภทของธารน้ำแข็งทั่วโลก และลักษณะเด่นของแต่ละแบบ
ตอนที่ 2 : บทบาทของธารน้ำแข็งต่อระบบนิเวศและภูมิอากาศโลก
ตอนที่ 3 : ผลกระทบของโลกร้อนต่อการละลายของธารน้ำแข็ง
ตอนที่ 4 : 5 ธารน้ำแข็งที่สวยที่สุดในโลก
ตอนที่ 5 : สรุป
ประเภทของ ธารน้ำแข็ง ทั่วโลก และลักษณะเด่นของแต่ละแบบ
- ธารน้ำแข็งแผ่น (Ice Sheet / Continental Glacier)
- ลักษณะ: เป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุด ครอบคลุมพื้นที่กว้างหลายพันตารางกิโลเมตร
- ตัวอย่าง: กรีนแลนด์, แอนตาร์กติกา
- เด่น: มีความหนามากถึงหลายกิโลเมตร สามารถไหลออกไปเป็นธารน้ำแข็งย่อย (Outlet Glacier)
- ธารน้ำแข็งภูเขา (Alpine Glacier / Mountain Glacier)
- ลักษณะ: เกิดในพื้นที่ภูเขาสูง เคลื่อนตัวตามหุบเขา
- ตัวอย่าง: ธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์, ภูเขาหิมาลัย
- เด่น: สร้างหุบเขา U-shape และสามารถไหลลงสู่ที่ราบต่ำได้
- ธารน้ำแข็งหุบเขา (Valley Glacier)
- ลักษณะ: เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งภูเขา แต่ไหลลงตามหุบเขาแคบ ๆ
- เด่น: ชัดเจนในการกัดเซาะหุบเขาและสร้างหน้าผา ธารน้ำแข็งประเภทนี้มักเป็นแหล่งน้ำจืดสำคัญ
- ธารน้ำแข็งลอยน้ำ / น้ำแข็งลอยทะเล (Iceberg / Tidewater Glacier)
- ลักษณะ: เป็นธารน้ำแข็งที่ไหลลงทะเลและแตกตัวเป็นน้ำแข็งลอยน้ำ
- ตัวอย่าง: Icebergs ในแอนตาร์กติกาและกรีนแลนด์
- เด่น: มีบทบาทต่อระดับน้ำทะเลและกระแสน้ำทะเล หวยไว
- ธารน้ำแข็งแผ่นเล็ก (Ice Cap / Dome Glacier)
- ลักษณะ: ธารน้ำแข็งขนาดเล็กกว่าธารน้ำแข็งแผ่น แต่ปกคลุมพื้นที่ราบสูงหรือภูเขา
- เด่น: มักมีลักษณะเป็นโดม กลางหนาและไหลออกเป็นธารน้ำแข็งย่อยรอบๆ
บทบาทของ ธารน้ำแข็ง ต่อระบบนิเวศและภูมิอากาศโลก
แหล่งน้ำจืดสำคัญของโลก
- ธารน้ำแข็งเก็บน้ำจืดจำนวนมหาศาล กว่า 70% ของน้ำจืดโลกอยู่ในรูปน้ำแข็ง
- เมื่อน้ำแข็งละลาย จะกลายเป็นแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงแม่น้ำ ทะเลสาบ และระบบนิเวศน้ำจืด
ควบคุมระดับน้ำทะเล
- การละลายของธารน้ำแข็งมีผลต่อการขึ้นลงของระดับน้ำทะเล
- ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ เช่น แอนตาร์กติกาและกรีนแลนด์ หากละลายมาก จะเพิ่มความเสี่ยงน้ำท่วมชายฝั่ง
มีผลต่อกระแสน้ำและภูมิอากาศโลก
- น้ำจากธารน้ำแข็งไหลลงทะเลมีผลต่อความหนาแน่นและอุณหภูมิของกระแสน้ำ
- ธารน้ำแข็งช่วยสะท้อนแสงแดด (Albedo Effect) ลดการดูดซับความร้อนและช่วยควบคุมอุณหภูมิโลก
สร้างแหล่งอาศัยให้สิ่งมีชีวิต
- พื้นที่รอบธารน้ำแข็ง เช่น ทะเลสาบธารน้ำแข็ง เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่ของสัตว์น้ำและสัตว์บก
- สัตว์หลายชนิด เช่น เพนกวิน หมีขาว และสัตว์น้ำเย็น ขึ้นอยู่กับธารน้ำแข็งโดยตรง
มีบทบาททางธรณีวิทยา
- ธารน้ำแข็งกัดเซาะและสะสมตะกอน ทำให้เกิดภูมิประเทศเฉพาะ เช่น หุบเขา U-shape, แอ่งทะเลสาบ
- การเคลื่อนตัวของธารน้ำแข็งเปลี่ยนโครงสร้างพื้นดินและสร้างแหล่งธรณีทรัพยากรใหม่
ผลกระทบของโลกร้อนต่อการละลายของ ธารน้ำแข็ง
- สาเหตุหลัก: อุณหภูมิสูงขึ้น
- ภาวะโลกร้อน (Global Warming): การเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ (เช่น คาร์บอนไดออกไซด์และมีเทน) ทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณขั้วโลกและพื้นที่ภูเขาสูง ซึ่งเป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็ง
- การสูญเสีย “ความขาว” (Albedo Effect): น้ำแข็งและหิมะมีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้ดี (Albedo สูง) เมื่อน้ำแข็งเริ่มละลาย เผยให้เห็นพื้นดินหรือน้ำทะเลสีเข้ม ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับความร้อนได้ดีกว่า ยิ่งน้ำแข็งละลายมากเท่าไร ก็ยิ่งดูดซับความร้อนมากขึ้นเท่านั้น ทำให้เกิดการละลายเร็วขึ้นแบบทวีคูณ (Positive Feedback Loop)
- ผลกระทบลูกโซ่ที่สำคัญที่สุด
- ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น (Sea Level Rise): นี่คือผลกระทบที่สำคัญที่สุด ธารน้ำแข็งบนภูเขาและแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ (เช่น ในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา) มีน้ำแข็งจำนวนมหาศาล เมื่อละลายจะเปลี่ยนจากน้ำแข็งเป็นน้ำและไหลลงสู่มหาสมุทรโดยตรง ทำให้ ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้น คุกคามพื้นที่ชายฝั่งและเมืองที่อยู่ใกล้ทะเล
- การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในมหาสมุทร: การละลายของน้ำแข็งจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะน้ำจืดจากกรีนแลนด์ที่ไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก จะรบกวนความหนาแน่นและอุณหภูมิของน้ำทะเล ส่งผลต่อ กระแสน้ำในมหาสมุทร (Ocean Conveyor Belt) เช่น กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม (Gulf Stream) ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อสภาพอากาศในยุโรปและอเมริกาเหนือ
- ภัยแล้งและความมั่นคงทางน้ำ: ในหลายภูมิภาค เช่น เอเชียใต้ (หิมาลัย) ธารน้ำแข็งเป็นแหล่งน้ำจืดที่สำคัญสำหรับแม่น้ำหลายสาย เมื่อธารน้ำแข็งละลายเร็วเกินไปและหมดไป จะส่งผลให้เกิด ภัยแล้ง อย่างรุนแรงและขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ในระยะยาว
- การปล่อยก๊าซมีเทนที่ถูกกักเก็บ: ธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งบางแห่งครอบคลุมชั้นดินเยือกแข็งคงตัว (Permafrost) ซึ่งกักเก็บก๊าซมีเทนไว้ เมื่อน้ำแข็งละลาย ก๊าซเหล่านี้จะถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่ง มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทรงพลัง ยิ่งเร่งให้เกิดภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้นไปอีก หวยไว
5 ธารน้ำแข็งที่สวยที่สุดในโลก
- Perito Moreno Glacier (อาร์เจนตินา)
- เด่น: เป็นธารน้ำแข็งที่ยังคงเจริญเติบโตและเคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่อง
- ไฮไลต์: ผนังน้ำแข็งสูง 60 เมตร และมีเสียงแตกร้าวดังเป็นจังหวะอย่างน่าตื่นเต้น
- Jostedalsbreen Glacier (นอร์เวย์)
- เด่น: ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
- ไฮไลต์: มีภูมิประเทศสวยงามรอบๆ ทั้งหุบเขาและฟยอร์ด เหมาะสำหรับการเดินป่าและปีนเขาน้ำแข็ง
- Fox Glacier (นิวซีแลนด์)
- เด่น: ธารน้ำแข็งที่ไหลลงมาจากเทือกเขาแอลป์ลงใกล้ป่าฝนเขตร้อน
- ไฮไลต์: สร้างความ contrast ระหว่างน้ำแข็งสีฟ้าใสกับป่าฝนเขียวชอุ่ม
- Athabasca Glacier (แคนาดา)
- เด่น: เป็นส่วนหนึ่งของ Columbia Icefield ในเทือกเขาร็อกกี้
- ไฮไลต์: เข้าถึงง่าย มีทัวร์นำชม และมีน้ำแข็งสีฟ้าสดใสสะท้อนแสงอาทิตย์
- Vatnajökull Glacier (ไอซ์แลนด์)
- เด่น: ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก
- ไฮไลต์: มีถ้ำธารน้ำแข็งธรรมชาติที่สามารถสำรวจได้ และภูมิทัศน์รอบๆ น่าตื่นตาตื่นใจ
สรุป
มวลน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เกิดจากการสะสมของหิมะหลายปีและเคลื่อนตัวช้าๆ ตามแรงโน้มถ่วง มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศและภูมิอากาศโลก ทั้งเป็นแหล่งน้ำจืดใหญ่ ควบคุมระดับน้ำทะเล และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์หลายชนิด การละลายของธารน้ำแข็งที่เร่งขึ้นจากโลกร้อนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์อย่างชัดเจน